- Home
- สกู๊ปพิเศษ
- ท่องเที่ยวตามศาลเจ้าในนาโกย่า
การมี "คะมิดะนะ" หรือแท่นบูชาเทพเจ้าชินโตประจำอยู่ที่บ้าน เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอันยาวนานของครอบครัวญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นแนวโน้มในการปรับเปลี่ยนมาอยู่อาศัยในอพาร์ทเมนท์ในปัจจุบันนั้น ทำให้แท่นบูชาเหล่านี้ค่อยๆ เลือนหายไปในหลายครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หากท่านมีโอกาสออกไปสำรวจภายนอก ก็ยังจะได้พบศาลเจ้ามากมาย
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจากส่วนใดของโลก จะได้พบกับเหล่าเทพเจ้าในนาโกย่าที่คอยปกปักรักษาพวกเราอยู่เสมอ และเราเชื่อว่า ท่านจะต้องสนุกไปกับการเดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอน
สักการะ
ชาวญี่ปุ่นอาศัยร่วมกับธรรมชาติอย่างแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานผ่านวิถีชีวิตในการทำไร่นาและการประมง
ด้วยธรรมชาติที่อำนวยพรให้พวกเรา แต่บางครั้งก็แสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยว ทำให้ผู้คนในประเทศญี่ปุ่น เคารพทั้งในแง่พลังอันยิ่งใหญ่ของ "ธรรมชาติ" และพลังงานที่มองไม่เห็นของ "เทพเจ้า" โดยมีศาลเจ้าต่างๆ เป็นสถานที่รับรองเทพเจ้าเหล่านี้
เราขอเชิญชวนให้ท่านมาสำรวจศาลเจ้าในนาโกย่า ซึ่งเราภาคภูมิใจกับจำนวนศาลเจ้าที่มีมากมายเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก่อนอื่น มาลองศึกษาข้อมูลเบื้องต้นในการสักการะศาลเจ้ากัน!
ประตูโทรี
ขั้นตอนของการสักการะศาลเจ้าเริ่มจากการเดินผ่านประตูโทรี และเนื่องจากหลังประตูเป็นที่สถิตของอาณาจักรแห่งเทพเจ้า ท่านจึงควรโค้งคำนับเมื่ออยู่หน้าประตู
ศาลเจ้าคิฟุเนะชะ
วิธีการสักการะ
โค้งคำนับก่อนที่จะลอดผ่านประตูโทรี จากนั้น เดินตามทางเข้ามาเรื่อยๆ แต่โปรดหลีกเลี่ยงการเดินตรงกลางของทางเดิน และเมื่อจะออกจากศาลเจ้าเมื่อเสร็จสิ้นการสักการะเทพเจ้าแล้ว ให้ท่านโค้งคำนับไปยังหอหลักของศาลเจ้า
โคมะอินุ
(รูปปั้นสิงโต-สุนัข ผู้ปกปักรักษา)
โคมะอินุที่ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากอินเดียหรือเปอร์เซีย เป็นสัตว์ที่ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย รูปปั้นจะมาเป็นคู่ โดยรูปหนึ่งที่อ้าปากคือ "ชิชิ" (สิงโต) ในขณะที่อีกรูปที่ปิดปากคือ "โคมะอินุ" (สุนัข) คู่รูปปั้นที่ไม่สมมาตรนี้เป็นหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของญี่ปุ่น
โคมะอินุที่ศาลเจ้าอิคัตสึ ฮะจิมังกุ ที่ปรากฏในภาพนั้น ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานหลายรุ่น และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
ศาลเจ้าอิคัตสึ ฮะจิมังกุ
เทะมิสุยะ
(อ่างน้ำชำระล้าง)
ก่อนการสักการะศาลเจ้า บรรพบุรุษของพวกเราทำความสะอาดและชำระล้างร่างกายด้วยการอาบน้ำในแม่น้ำหรือทะเล และจากร่องรอยแห่งอดีตนี้ ศาลเจ้าในปัจจุบันจึงมีอ่างน้ำสำหรับล้างมือเพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์
ศาลเจ้ามัตสึยะมะ
วิธีการสักการะ
1. ถือกระบวยด้วยมือขวา ตักน้ำ และราดลงบนมือซ้ายเพื่อล้าง
2. เปลี่ยนมาถือกระบวนด้วยมือซ้าย ตักน้ำ และราดลงบนมือขวา
3. เปลี่ยนกลับไปถือกระบวยด้วยมือขวา เทน้ำไปยังมือซ้ายที่รองน้ำไว้ และนำน้ำนั้นมาบ้วนปาก (บ้วนปากนอกอ่างน้ำ)
4. เมื่อบ้วนปากเสร็จ ให้ล้างมือซ้ายอีกครั้ง
5. ท้ายสุด ยกกระบวยขึ้นตั้งตรง เพื่อให้น้ำที่เหลือไหลลงมาล้างด้ามจับ
ชินเคียว (สะพานศักดิ์สิทธิ์)
ในบริเวณของศาลเจ้าใหญ่ๆ ท่านอาจจะพบสระน้ำหรือลำธารที่พาดผ่านด้วยสะพาน ซึ่งสะพานนี้ทำหน้าที่เหมือนประตูโทรีในการเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าสถิตอยู่ ในขณะที่เดินข้ามสะพานนี้ ผู้สักการะควรเตรียมจิตใจให้พร้อมเพื่อพบกับเทพเจ้า
ศาลเจ้าโกะคิโซะฮะจิมังกุ
ชิเมะนะวะ
(เชือกศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโต)
ชิเมะนะวะเป็นเชือกศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ที่บิดเกลียวไปทางด้านซ้ายและแขวนไว้ที่หน้าหอหลักของศาลเจ้า เชือกนี้บ่งบอกว่าพื้นที่ที่อยู่ถัดไปข้างหน้าเป็นพื้นศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจเข้าไปได้ตามใจชอบ โดยชิเมะนะวะที่งดงามตามภาพนี้อยู่ที่ศาลเจ้าฮิจิโชะชะ
ศาลเจ้าฮิจิโชะชะ
บัมเป (ฉากไม้)
บัมเปอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของพื้นที่แถบนาโกย่า เป็นฉากไม้ที่ทำหน้าที่กั้นเทพเจ้าเพื่อไม่ให้ถูกมองเห็นได้โดยตรง
ศาลเจ้าฮิระโระคุโช
ซุสุ (กระดิ่งชินโต)
สายเชือกยาวติดกับกระดิ่งถูกประดับเหนือทางเข้าหอสักการะ กระดิ่งจะส่งเสียงเมื่อสั่น 3 ครั้ง ซึ่งการแสดงความเคารพที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานนี้ มีจุดกำเนิดมาจากความเชื่อที่ว่า การทำให้อากาศมีแรงสั่นเป็นการเรียกเทพเจ้า และไม่ใช่ที่ตัวกระดิ่งเอง แต่เป็นเสียงจากกระดิ่งที่มอบพลังอันศักดิ์สิทธิ์ขับไล่วิญญาณร้าย
ศาลเจ้าโทโยฟุจิอินาริ
ไซเซ็ง
(ทำบุญ)
ผู้คนมักจะทำบุญด้วยการหย่อนเงินในตู้ไม้ที่หน้าหอสักการะ พิธีกรรมนี้เป็นการชำระล้างจิตวิญญาณ โดยทั้งความกังวลและความเจ็บปวดในชีวิตประจำวันจะถูกส่งผ่านไปยังเทพเจ้าพร้อมกับเงินบริจาค ทั้งนี้ ท่านสามารถเลือกจำนวนเงินที่ต้องการบริจาคได้ตามต้องการ
ศาลเจ้ายาโกโตะชิโอะกะมะ
วิธีการสักการะเทพเจ้า
- ・โค้งคำนับเทพเจ้า (ทักทาย)
- ・ตบมือสองครั้ง (ปัดเป่าวิญญาณร้าย)
- ・หลังจากนั้น พนมมือและอธิษฐาน
- ・ลดมือทั้งสองข้างลง และท่ายสุด โค้งคำนับเทพเจ้าอีกครั้ง
- ※ การโค้งคำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 2 ครั้ง และการโค้งคำนับอีกครั้ง เป็นขั้นตอนการสักการะทั่วไปที่พบได้มากที่สุดในศาลเจ้า อย่างไรก็ตาม อาจไม่ต้องทำตามวิธีการดังกล่าว เนื่องจากจำนวนครั้งในการโค้งคำนับและตบมืออาจแตกต่างกันไปตามแต่ละศาลเจ้า
อินาริ
ศาลเจ้าอินาริหลายแห่งมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกตั้งขนาบตรงทางเข้าหรือหอหลักเพื่อปกปักรักษาศาลเจ้า
หนึ่งในความเห็นกล่าวว่า เทพเจ้าจะอวยพรแก่ผู้ที่มาสักการะให้พืชผลอุดมสมบูรณ์หรือธุรกิจรุ่งเรือง คำว่า "อินาริ" หมายถึง ความมุ่งหมาย ("อิ" ในภาษาญี่ปุ่น) จะสำเร็จ ("นาริ" หรือ "นารุ") ดังนั้น ผู้ที่มาสักการะจึงศรัทธาในเทพเจ้าด้วยความเชื่อว่าท่านจะบันดาลให้ความปรารถนาเป็นจริง
ฮะระเอะกุจิ
(ไม้ชำระล้าง)
ฮะระเอะกุจิเป็นอุปกรณ์ทางศาสนาที่พระในศาสนาชินโตใช้เพื่อชำระล้าง พระจะแกว่งไม้ฮะระเอะกุจิไปทางซ้าย ขวา และไปทางซ้ายอีกครั้ง บนตัวคนหรือสิ่งของที่ต้องการให้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ในบางศาลเจ้าจะมีฮะระเอะกุจิวางไว้ที่ทางเข้าหอสักการะ ซึ่งผู้ที่มาสักการะสามารถใช้ไม้ดังกล่าวชำระล้างตัวเองได้
ศาลเจ้าชิโอะกะมะ
หลังจากที่ท่านสักการะเทพเจ้าแล้ว ให้หันหน้ากลับไปทางประตูโทรี และโค้งคำนับ
เริ่มต้น
เยี่ยมชมอัตสึตะจิงกุ สถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเริ่มทริปชมศาลเจ้าในนาโกย่าของท่าน
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่เกือบ 200,000 ตารางเมตร
ความเงียบสงบและบริสุทธิ์ที่จะทำให้ท่านลืมความวุ่นวายในชีวิต
- อัตสึตะจิงกุ (ศาลเจ้าอัตสึตะ) ที่ก่อตั้งในปี 113 และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ดาบ "คุซะนะกิ-โนะ-ทสึรุกิ" หนึ่งในสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งต่อกันภายในราชวงศ์อิมพีเรียลแห่งประเทศญี่ปุ่นมาต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น
- ยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะ เป็นเจ้าชายพระองค์หนึ่งในราชวงศ์อิมพีเรียลแห่งญี่ปุ่นโบราณ
เจ้าชายอิมพีเรียลวัยหนุ่มและเจ้าหญิงแห่งจังหวัดโอวาริ (นาโกย่าในปัจจุบัน) มีชีวิตอยู่เพื่อกันและกันและทรงอภิเษกสมรสครองคู่กัน
ด้วยความกล้าหาญทางการทหารอย่างไม่มีใครเทียบ เจ้าชายทรงขจัดความวุ่นวายในประเทศ และได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ให้เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคโบราณ
หลังจากสิ้นพระชนม์ ดาบ "คุซะนะกิ-โนะ-ทสึรุกิ" ของพระองค์ได้รับการบูชาโดยเจ้าหญิง และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์แห่งอัตสึตะจิงกุ เนื่องด้วยความเกี่ยวพันกับดาบดังกล่าว ศาลเจ้าจึงกลายเป็นสถานที่เก็บรักษาดาบที่ทรงคุณค่าจำนวนมาก และเพื่อเปิดให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้าชม จึงได้มีการเปิด "คุซะนะกิคัง" คลังสมบัติแห่งดาบ และคุซะนะกิฮิโรบะ (พลาซ่า) ในปี 2021
นอกจากนี้ อัตสึตะจิงกุยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "เกาะโฮไร" โดยโฮไร หมายถึง สวรรค์แห่งความเยาว์วัยอันเป็นนิรันดร์และความเป็นอมตะที่มนุษย์เฝ้าถวิลหาอย่างแรงกล้า
ด้วยการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนมากมายต่างเข้ามาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อขอพรให้เกิดความสงบสุขแก่ประเทศญี่ปุ่นและสุขภาพแข็งแรงยืนยาว
- 1. เอะโทะดะมะ: คู่ลูกบอลไม้อันวิจิตรที่สลักด้วยตราจักรราศีจีน
- 2. คะจิโมะริ: เครื่องรางที่มีลวดลายของชุดเต้นระบำแห่งชัยชนะ ด้วยสายเชือกถักที่มาพร้อมเครื่องราง ทำให้ท่านสามารถพันเครื่องรางรอบข้อมือหรือพกพาติดตัวได้
- 3. เอะมะลายดาว: ป้ายขอพรที่มีจุดเชื่อมต่อกับตำนานอันแสนโรแมนติกที่ยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะ (เจ้าชายยามาโตะทะเครุ) กลายเป็นหงส์ภายหลังสิ้นพระชนม์ เพื่อเดินทางกลับมาหาเจ้าหญิงอัตสึตะ
สำรวจบริเวณต่างๆ ของศาลเจ้า
- 1. เบคคุ (ศาลเจ้ารอง)-ฮัคเค็งกุ: สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าองค์เดียวกับที่สถิตที่ฮงกุ (ศาลเจ้าหลัก) อันเป็นที่ประดิษฐานของดาบ "คุซะนะกิ-โนะ-ทสึรุกิ" และเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดรองลงมาจากศาลเจ้าหลัก
- 2. มินามิชิงกุชะ: สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าที่ปัดเป่าโรคระบาดและภัยพิบัติ และเป็นสิ่งปลูกสร้างอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคลือบด้วยสีแดงชาดเพียงแห่งเดียวภายในอาณาเขตของอัตสึตะจิงกุ
- 3. ชิมิสุชะ: ตั้งอยู่ที่ทางเดินโคโคโระ-โนะ-โคะมิจิ ที่นำทางไปสู่ด้านหลังของฮงกุ ศาลเจ้าแห่งนี้มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำผุดออกมาจากด้านหลังอาคาร ซึ่งว่ากันว่า หากชำระล้างผิวพรรณด้วยน้ำจากน้ำพุนี้ ท่านจะงดงามยิ่งขึ้น และที่ตรงกลางของน้ำพุเป็นก้อนหินซึ่งเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลุมศพของเจ้าหญิงหยาง กุยเฟ หนึ่งในผู้ที่งดงามที่สุดในประเทศจีนยุคโบราณ
- 1. เบคคุ (ศาลเจ้ารอง)-ฮัคเค็งกุ: สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าองค์เดียวกับที่สถิตที่ฮงกุ (ศาลเจ้าหลัก) อันเป็นที่ประดิษฐานของ "คุซะนะกิ-โนะ-ทสึรุกิ" และเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดรองลงมาจากศาลเจ้าหลัก
- 2. มินามิชิงกุชะ: สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าที่ปัดเป่าโรคระบาดและภัยพิบัติ และเป็นสิ่งปลูกสร้างอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคลือบสีแดงชาดแห่งเดียวภายในอาณาเขตของอัตสึตะจิงกุ
- 3. ชิมิสุชะ: ตั้งอยู่ที่ทางเดินโคโคโระ-โนะ-โคะมิจิ ที่นำทางไปสู่ด้านหลังของฮงกุ ศาลเจ้าแห่งนี้มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำผุดออกมาด้านหลังอาคาร ซึ่งว่ากันว่า หากชำระล้างผิวพรรณด้วยน้ำจากน้ำพุนี้ ท่านจะงดงามยิ่งขึ้น และ ณ ตรงกลางของน้ำพุเป็นก้อนหินซึ่งเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลุมศพของเจ้าหญิงหยาง กุยเฟ หนึ่งในผู้ที่งดงามที่สุดในประเทศจีนยุคโบราณ
- 4. โคมไฟระย้าย้อมทั่วอาณาเขตของศาลเจ้าด้วยไฟสีอ่อนยามรุ่งอรุณ โคมไฟตกแต่งอย่างงามสง่าด้วยโอปอลสีดำ
- 5. ต้นการบูรขนาดใหญ่อายุยืนยาวหลายชั่วอายุคน ตั้งตระหง่านใกล้กับชิมิสุชะ
- 6. รู้จักกันในชื่อ "นะระสุ-โนะ-อุเมะ" ซึ่งมีความหมายว่า ต้นอุเมะหรือบ๊วยญี่ปุ่นที่ไม่เคยออกผล แม้ว่าจะผลิดอกก็ตาม และจากภาพคือต้นอุเมะอายุ 400 ปีต้นนี้ ที่กำลังผลิดอก
ศาลเจ้าบางแห่งที่มีความเกี่ยวข้องกับอัตสึตะจิงกุ ตั้งอยู่นอกบริเวณศาลเจ้า ดังนั้น เตรียมร่างกายให้พร้อมและออกไปเที่ยวชมศาลเจ้าเหล่านี้เพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการท่องเที่ยวนาโกย่าของท่านยิ่งขึ้น
- ศาลเจ้าฮิคะมิอะเนะโกะ
- ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ติดกับอัตสึตะจิงกุนี้ สร้างเพื่อสักการะมิยะซุฮิเมะ-โนะ-มิโคะโตะ ชายาของเจ้าชายยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะ ว่ากันว่าสถานที่นี้ เคยเป็นบ้านของบิดามารดาของเจ้าหญิงมาก่อน
-
- ศาลเจ้าทะคะคุระ มุซุบิ มิโคะ
- ศาลเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสักการะบรรพบุรุษเทพเจ้าแห่งแคว้นโอวาริ (นาโกย่าในปัจจุบัน) และเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าแห่งการเลี้ยงดูเด็ก
-
- ศาลเจ้าเร-โนะ-มิมะเอะชะ
- ศาลเจ้าที่สร้างเพื่อสักการะเทพเจ้าแห่งความบันเทิงนี้ ว่ากันว่าเคยเป็นสถานที่เพื่อการชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะเดินทางไปสักการะที่อัตสึตะจิงกุ
เทพเจ้าสัตว์
เมื่อท่องเที่ยวตามศาลเจ้าในนาโกย่า ท่านจะต้องประหลาดใจเมื่อเห็นศาลเจ้าหลายแห่งถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าสัตว์ตามสถานที่ต่างๆ นับตั้งแต่ในย่านเศรษฐกิจไปจนถึงย่านชุมชนที่งามสง่า ในบริเวณเขตเกษตรกรรมอันเงียบสงบ หรือในพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ยากต่อการเข้าถึง มาท่องเที่ยวศาลเจ้าหลากหลายประเภทในนาโกย่าที่จะทำให้ท่านรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นและได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ
-
ศาลเจ้าโออิ
เทพเจ้าสุนัขที่มีลูกดก ซึ่งเชื่อกันว่าจะประทานพรให้คลอดลูกง่าย
-
ศาลเจ้าซุคุนะฮิโคะนะ
ศาลเจ้าเล็กๆ ที่สร้างเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าแห่งเวชภัณฑ์ที่ใช้กระต่ายเป็นสัญลักษณ์
-
ศาลเจ้าทะคะมุ
ณ ศาลเจ้าที่จะทำให้ความรักสมหวังแห่งนี้ ท่านจะได้พบกับเทพเจ้านกฮูกที่ปัดเป่าปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
-
ศาลเจ้าอินุ
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ราชาสุนัขที่ปกป้องหมู่บ้านจากอุทกภัย และแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ซื้อโอมิคุจิรูปราชาสุนัข
-
ศาลเจ้าชิมะดะ
เทพเจ้าแห่งนกองค์นี้เป็นนกบูลฟินช์ที่เรียกว่า "อุโซะ" ซึ่งจะเปลี่ยนทุกความผิดพลาดและความผิดต่างๆ ให้กลายเป็นเรื่องโกหก อันมีที่มาจากชื่อองค์เทพ ("อุโซะ" แปลว่า "โกหก")
-
ศาลเจ้าโคะกะเนะ
(ในบริเวณของศาลเจ้ายามาดะ เท็มมังกุ)เชื่อกันว่าหนูโคะกะเนะที่ถือไม้ตะพดสีทองจะนำพามาซึ่งโชคลาภ และยังมีโอมิคุจินำโชครูปหนูโคะกะเนะจำหน่ายที่ศาลเจ้าด้วย
-
ศาลเจ้าซุซะโน
ศาลเจ้าแห่งนี้สักการะเหล่าเทพเจ้าที่ปัดเป่าโรคระบาดและตัดขาดความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ในอาณาบริเวณศาลเจ้า มีรูปสลักเทพเจ้าวัวซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น เรียกว่า "นะเดะ-อุชิ" ซึ่งแปลว่า "วัวสำหรับลูบ" อันเป็นวิธีสักการะขั้นพื้นฐานที่คำอธิษฐานของผู้ที่ลูบจะกลายเป็นจริง
-
ศาลเจ้าโทะเบะ
ที่นี่มีโอมิคุจิรูปกบ ซึ่งกบเป็นสัตว์มงคลสำหรับการเดินทางอย่างปลอดภัยตามเรื่องเล่าขานในอดีต ("คะเอะรุ" ซึ่งแปลว่า "กบ" ในภาษาญี่ปุ่น พ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า "กลับ")
-
ศาลเจ้ามิวะ
รูปแกะสลักเทพเจ้ากระต่ายแสนน่ารักเฝ้าต้อนรับท่านตามจุดโน้นจุดนี้ และการตามหาเทพกระต่ายเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสักการะศาลเจ้าอันแสนสนุก นอกจากนี้ เครื่องรางโอมะโมริและป้ายขอพรเอะมะต่างก็ออกแบบเป็นรูปเทพเจ้ากระต่ายทั้งสิ้น
-
ศาลเจ้าฮัตสึจิ
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าแห่งไฟ รูปสลักแกะพ่อแม่ลูกภายในบริเวณศาลเจ้าให้พรปกปักรักษาครอบครัว และยังสามารถพบแกะสุดน่ารักที่เทะมิสุยะ (อ่างน้ำชำระล้าง) และเอะมะ (ป้ายขอพร)
-
ศาลเจ้าอิคุทะมะ อินาริ
แวะมาสักการะสุนัขจิ้งจอกนำโชคที่กำลังโอบกอดสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยด้วยสายตาแห่งความรัก
-
ศาลเจ้าคะวะฮะระ
เต่าที่อาศัยในสระน้ำของศาลเจ้าแห่งนี้ถือเป็นเทพเจ้าที่บางครั้งก็ร่อนเร่ไปตามบ้านต่างๆ ในบริเวณนั้น จากตำนานในอดีต ว่ากันว่าจะต้องเลี้ยงดูปูเสื่อเต่าเหล่านี้ด้วยเหล้าสาเกจนเมามายอย่างมีความสุข ก่อนที่พวกเต่าจะกลับมายังสระน้ำ โดยที่ศาลเจ้ามีเต่าแสนน่ารักเป็นเครื่องรางอีกด้วย
พลังแห่งจิตวิญญาณ
ตอนนี้ เมื่อท่านท่องเที่ยวอัตสึตะจิงกุ สถานที่สักการะดาบศักดิ์สิทธิ์ "คุซะนะกิ-โนะ-ทสึรุกิ" เรียบร้อยแล้ว ต่อไป เราจะนำท่านไปยังพื้นที่ใจกลางเมือง
เจ้าชายและเจ้าหญิงในตำนานโบราณที่บัดนี้ได้รับการเชิดชูเป็นเทพเจ้า ต่างเฝ้ามองและปกปักรักษาเราในฐานะเทพเจ้าที่ประทานพรให้แก่เรา
ตำนานเจ้าชาย
ศาลเจ้าอัตสึตะชะ
ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะได้รับการสักการะเป็นเทพเจ้า ที่นี่มีเสาประตูโทรีขนาดใหญ่เหนือเรือกสวนไร่นาที่อยู่รอบๆ สิ่งปลูกสร้างศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์นี้ ทำให้นึกถึงหงส์ที่มีชีวิตชีวา
-
ศาลเจ้าอิตสึคิยะมะ อินาริชะ
สถานที่ที่ยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะ และชายาของพระองค์อภิเษกสมรส ด้วยเหตุที่ที่นี่หันหน้าไปยังทะเลในเวลานั้น ทั้งสองพระองค์จึงตื่นขึ้นด้วยเสียงเกลียวคลื่นในเช้าหลังคืนอภิเษกสมรส และปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่า "เนะสะเมะ-โนะ-ซะโตะ" (หมู่บ้านแห่งการตื่นนอน)
-
ศาลเจ้าทะจิบะนะ
ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนการพบกันระหว่างยามาโตะทะเครุ-โนะ-มิโคโตะ และมิยะซุฮิเมะ-โนะ-มิโคโตะ กล่าวคือ ในระหว่างทางที่เจ้าชายมุ่งหน้าไปพิชิตฝั่งตะวันออก พระองค์ติดอยู่ในพายุกลางทะเล จากนั้น ชายาของท่าน "โอะโทะทะจิบะนะ-ฮิเมะ" ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับท่าน สละชีพตัวเองแก่ผืนน้ำเพื่อระงับความกราดเกรี้ยวของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ศาลเจ้านี้จึงสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่โอะโทะทะจิบะนะ-ฮิเมะ
พลังมังกร
ศาลเจ้าฮะคุริว
เมื่อครั้นอดีตที่โรคภัยไข้เจ็บระบาด ศาลเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นที่ฐานของต้นหลิวอันเป็นที่ประทับของเทพเจ้าตามบัญชาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เป็นเหตุให้โรคระบาดหายไปจนหมดสิ้น หลังจากนั้น เทพเจ้าได้ย้ายมาประทับยังต้นแปะก๊วย และได้รับความเคารพจากผู้คน รวมถึงเรียกด้วยความเชิดชูว่า "ฮะคุริวซัง"
ศาลเจ้าคุระกะริโนะโมะริ ฮะจิมัง
เมื่อเกิดฟ้าผ่าฟาดลงพื้นที่บริเวณนี้ คู่สมรสเทพเจ้ามังกรดำได้ลงมาอาศัยที่ต้นการบูรต้นนี้ ว่ากันว่า เทพเจ้าจะนำพามาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจ โชคดีในความสัมพันธ์ และให้พรต่างๆ แก่ผู้ที่มาสักการะ
เรื่องเล่า
ศาลเจ้าริวจิชะ
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสักการะเทพเจ้างูมีหู ซึ่งได้รับการไว้ชีวิตหลังจากที่ถูกจับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกว่าร้อยปีก่อนและปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ในเวลานั้น ทั้งนี้ เทพเจ้าองค์นี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับหู
ศาลเจ้าโระคุโชะ
ตำนานของสถานที่แห่งนี้กล่าวว่า มีชาวบ้านได้ยินเสียงทารกร้องไห้ในป่า และเมื่อเดินไปตรวจดู ก็พบคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังอุ้มเด็กน้อย ทันใดนั้น คู่รักดังกล่าวก็หาบวับไปในทันที เรื่องลึกลับนี้ก็นำไปสู่ข่าวลือที่ว่าพวกเขาอาจจะเป็นเทพเจ้า จึงเป็นที่มาของเทศกาลประจำปีที่เริ่มจัดขึ้นเพื่ออวยพรให้คลอดลูกปลอดภัยทุกวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาหายตัวไป ทุกปี เทศกาลได้ดึงดูดผู้คนมากมายให้มารวมตัวกันเพื่อรับขนมหวานสีสันสดใส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสายสะดือ
กาแล็กซี
ศาลเจ้าโยะบิตสุกิ
ศาลเจ้าแห่งนี้สักการะอุกกาบาตหรือ "หินแห่งดวงดาว" ที่ตกลงจากฟากฟ้าลงมายังบริเวณนี้ ภาพถ่ายที่บันทึกเหตุการณ์ที่ผู้คนล้อมรอบอุกกาบาตถูกเก็บรักษาไว้ในฐานะเอกสารโบราณในนาโกย่า
ศาลเจ้าโฮชิมิยะชะ
ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกก่อตั้งตามคำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิ์จากเหตุที่ดวงดาวทั้งเจ็ด (ซึ่งคาดว่าเป็นดาวไถ) ตกลงมาจากท้องฟ้าในเวลานั้น (มีอีกหลายทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดของศาลเจ้าแห่งนี้)
โชคดี
รวมการกระทำที่ดึงดูดโชคดี
ชินซุย
-
ศาลเจ้าชิโอะกะมะ
ราดน้ำ 3 ครั้ง บนหัวของกัปปะ ซึ่งเป็นสัตว์ในเทพนิยายที่มีช่องที่เรียกว่า "ซะระ" (จาน) อยู่บนหัว แล้วหลังจากนั้น คำอธิษฐานของผู้สักการะจะเป็นจริง
-
ศาลเจ้าซากุระ เท็นจินชะ
ราดน้ำชินซุย/จินสุย ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้ถวายองค์เทพลงบนเทพเจ้าวัวตามจำนวนอายุ แล้วคำขอของท่านจะเป็นไปตามประสงค์
-
ศาลเจ้าโคะกะเนะ (ในบริเวณของศาลเจ้ายามาดะ เท็มมังกุ)
เมื่อหันหน้าเข้าหาเทพเจ้า ให้ราดน้ำชินซุย/จินสุย 3 ครั้ง บนเอะบิซุทางด้านซ้าย และอีก 3 ครั้ง บนไดโคะคุเท็งทางด้านขวา ซึ่งทั้งคู่เป็น 2 ในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากนั้น ราดน้ำที่ไหลจากเท้าขององค์เทพลงบนเงินของท่านเพื่อให้โชคลาภของท่านเพิ่มพูน!
-
ศาลเจ้านะนะโอะ เท็นจินชะ
วางแผ่นกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานของท่านลงบนหลังกระดองเต่าเจ็ดหาง ("นะนะโอะ" แปลว่า "เจ็ดหาง") และราดน้ำลงบนแผ่นกระดาษ กระดาษที่ละลายหายไปในน้ำเป็นสัญญาณบอกว่าเทพเจ้าได้รับรู้ถึงคำอธิษฐานของท่านแล้ว
-
ศาลเจ้าชิโระยะมะ ฮะจิมังกุ
ควอตซ์กุหลาบเป็นหินพลังงานที่ทำให้จิตใจสงบ เมื่อจุ่มโคอิมิคุจิหรือเครื่องรางแห่งความรักลงในอ่างน้ำที่เรียงรายด้วยควอตซ์กุหลาบ ตัวอักษรที่ทำนายถึงโชคด้านความรักของท่านจะปรากฏขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโอมิคุจิด้านอื่นๆ นอกเหนือจากด้านความรักวางจำหน่ายด้วย
Stroking
-
ศาลเจ้าโกะชะกุ
ศาลเจ้าที่มีหินตามธรรมชาติที่เรียกว่า "นะเดะอิชิ" หรือ "หินสำหรับลูบ" อยู่ด้านหน้าของหอสักการะ เชื่อกันว่า หากลูบหินแล้ว โชคด้านการค้าและการคลอดลูกอย่างปลอดภัยจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น
-
ศาลเจ้าวะเคะโอะเอะ
ลูบหัว ท้อง และขา ของรูปปั้นเทพเจ้าเอะบิซุ แล้วยกท่านขึ้น จากนั้น ท่านจะได้รับพรให้เกิดโชคดี
-
ศาลเจ้าอิจิโนะ โกะเซ็นชะ
มาสักการะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่สิงสถิตของโคะคุริวโอ (ราชามังกรดำ) และฮะคุริวฮิเมะ (เจ้าหญิงมังกรขาว) และสัมผัสต้นไม้ด้วยมือของท่านและส่วนของร่างกายตามที่ต้องการ ด้วยความเชื่อที่ว่าวิธีการนี้จะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
-
ศาลเจ้ามิวะ
"นะเดะอุซะกิ" หรือ "กระต่ายสำหรับลูบ" แสนน่ารัก จะช่วยให้ท่านหายทางโรคภัยไข้เจ็บ
Tying
-
ศาลเจ้าบิโยะ
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เหล่าขุนพลแห่งปราสาทนาโกย่าอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองนาโกย่า ที่นี่จัดพิธีในช่วงปีใหม่ (เดือนมกราคม) โดยการผูกกระดาษคำอธิษฐานบนเชือกป่าน และทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามจากกระดาษคำอธิษฐานสีชมพูและฟ้าที่โบกสะบัดตามแรงลม ควรค่าแก่การมาชมเป็นอย่างยิ่ง
-
ศาลเจ้าวะคะมิยะ ฮะจิมัง
ตามตำนาน การผูกโบว์อธิษฐานสีชมพูและฟ้าที่เรียกว่า "เนะไก-โนะ-โอะ" ในสถานที่ที่จัดไว้ให้ จะทำให้อธิษฐานของท่านเป็นจริง
-
ศาลเจ้าอิคุทะมะ อินาริ
ซื้อ "โกะเอ็นซุสุ" (แปลความหมายตามตัวอักษรได้ว่า "กระดิ่งแห่งความสัมพันธ์" ซึ่งหมายถึงกระดิ่งที่นำพาความโชคดีสู่ความสัมพันธ์) ที่สำนักงานของศาลเจ้า และผูกเข้ากับ "มุซุบิ คิตสึเนะ" หรือ "คู่สุนัขจิ้งจอกสร้างความสัมพันธ์" ท่านอาจจะนำเหรียญห้าเยนที่มาพร้อมกับกระดิ่งกลับบ้านเพื่อเป็นเครื่องรางโอมะโมริ (ห้าเยน ในภาษาญี่ปุ่น พูดว่า "โกะเอ็ง" ซึ่งพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า "ความสัมพันธ์")
Direction
-
ศาลเจ้ายะมะดะ เท็มมังกุ
หันหน้าของวัวไปยังทิศที่ท่านอธิษฐานให้คำขอของท่านเป็นความจริง จากนั้นคล้องกระดิ่งอธิษฐานที่คอของเทพเจ้าวัว และเมื่อคำอธิษฐานของท่านเป็นความจริงแล้ว ท่านต้องนำองค์เทพที่ทำจากรูปปั้นกระดาษมาคืนศาลเจ้า
Walking
-
ศาลเจ้าทะโคะ ฮะจิมังชะ
ต้นไม้สองต้นยืนค้ำคู่กันและกัน ซึ่งเรียกว่า "วะโกะโนะคิ" หรือ "ต้นไม้ที่สอดประสาน" เมื่อเดินรอบต้นไม้ทั้งสอง 7 รอบครึ่งในเวลาตี 2 ท่านจะได้รับพรด้านลูก
-
ศาลเจ้าชิโระยะมะ ฮะจิมังกุ
อธิษฐานไปพร้อมกับสัมผัสหินสีน้ำเงินและหลับตาเดินไปยังหินสีแดง หากท่านทำได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก คำอธิษฐานที่ท่านปรารถนาที่สุดจะกลายเป็นจริง แต่หากทำได้สำเร็จในครั้งต่อๆ มา คำอธิษฐานนั้นจะกลายเป็นจริงต่อเมื่อท่านพยายามอย่างต่อเนื่อง และหากมีผู้อื่นช่วยเหลือท่าน คำขอของท่านจะเป็นจริงด้วยความช่วยเหลือจากใครสักคน
Lifting
-
ศาลเจ้าฮะคุริวชะ (ในบริเวณของศาลเจ้าโกะคิโซะฮะจิมังกุ)
กล่าวกันว่า โอโมะคะรุอิชิสีม่วง ไม่เพียงแต่ทำให้คำขอของท่านเห็นจริงเท่านั้น แต่หากลูบที่หินแล้ว จะลดความเจ็บปวดอีกด้วย
-
ศาลเจ้าโอะฟุคุ อินาริชะ
หินหายากที่มีรูปร่างมะนิโฮะจุ (อัญมณีเติมเต็มคำอธิษฐาน)
-
ศาลเจ้าทะมะนุชิ อินาริ (ในบริเวณของศาลเจ้าอินุ)
ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าแห่งความรุ่งเรืองทางธุรกิจ
Resonating
-
ศาลเจ้าซุซะคิ
แกว่งฮะระเอะกุจิหรือไม้ชำระล้าง ไปทางซ้าย ขวา และทางซ้ายอีกครั้ง เดินลอดประตูโทรีเล็กและสั่นระฆัง จากนั้น ไปยังอิชิกะมิหรือเทพเจ้าหินที่อยู่ริมทางเดินไปศาลเจ้า แขวนห่วงที่ทำขึ้นเฉพาะพร้อมกับกระดาษอธิษฐานที่ติดอยู่ที่ปลายกับบริเวณที่ผ้าห้าสีผูกอยู่ และสั่นระฆังอีกครั้งที่นี่ เสียงก้องของระฆังสองใบเป็นมนตร์ที่เรียกความสัมพันธ์ที่ดีสู่ชีวิตท่าน
Looking
Offering
-
ศาลเจ้าคะตะยะมะ ฮะจิมัง
ผู้สักการะอาจทำบุญก่อนถึงแท่นสักการะ ซึ่งทำให้สามารถอธิษฐานต่อเทพเจ้าได้อย่างแรงกล้ายิ่งขึ้น ฮัตสึโฮะเรียว (เงินที่ทำบุญแก่ศาลเจ้า) จะมีจำนวนเท่าไรก็ได้ตามที่ท่านเห็นควรให้เป็นเงินแสดงความขอบคุณ
Tapping
-
ศาลเจ้าวะเคะโอะเอะ
ตีแผ่นกระดานไม้ด้วยค้อนเพื่อนำพาซึ่งความโชคดี เสียงกังวานที่ดังขึ้นจะเรียกความสนใจจากเทพเจ้าและทำให้องค์เทพได้ยินคำอธิษฐานของท่าน
โกะชุอิน
เอะมะ・โอมะโมริ
โกะชุอิน (ตราประทับที่แสดงว่าท่านเดินทางมายังศาลเจ้า) เป็นสิ่งแสดงถึงความเคารพของท่านต่อเทพเจ้า, เอะมะ (ป้ายขอพร) จะส่งคำอธิษฐานของท่านไปยังเทพเจ้า และโอมะโมริ (เครื่องราง) จะทำให้ท่านรับพรจากด้วยความช่วยเหลืออันศักดิ์สิทธิ์
สิ่งเหล่านี้คือของขวัญอันงดงามจากเทพเจ้า
ในญี่ปุ่นยุคโบราณ เมื่อครั้นที่จุดกำเนิดวัฒนธรรมมีศูนย์กลางจากการทำนา ผู้คนต่างบูชาเทพเจ้าด้วยข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ อันเป็นการแสดงถึงความขอบคุณอันบริสุทธิ์แก่องค์เทพ เงินที่ทำบุญไปยังศาลเจ้า เรียกว่า "ฮัตสึโฮะเรียว" ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า "ข้าวที่เก็บเกี่ยวครั้งแรกของปี" เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงร่องรอยแห่งประเพณีโบราณที่สืบทอดมายังปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ โปรดรับของขวัญด้วยความรู้สึกขอบคุณแก่เทพเจ้า