- หน้าหลัก
- สกู๊ปพิเศษ
- มรดกทางวัฒนธรรมของนาโกย่าและไอจิ เทคนิคดั้งเดิมในการผลิต งานศิลปะและงานหัตถกรรม
สกู๊ปพิเศษ
มรดกทางวัฒนธรรมของนาโกย่าและไอจิ
เทคนิคดั้งเดิมในการผลิต งานศิลปะและงานหัตถกรรม
เมืองนาโกย่าและจังหวัดไอจิมีบทบาททางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนานแซงหน้าพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่ ๆ อื่น ๆ อย่างโตเกียว โอซาก้าและฮิโรชิมะ ลักษณะเด่นของที่นี่ คือเป็นเมืองแห่ง "การผลิต" ดั้งเดิมที่โดดเด่นในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุคศักดินา ในพื้นที่แห่งนี้ การผลิตส่วนใหญ่จะเป็นงานศิลปะดั้งเดิมของคนในพื้นที่ เช่น ผ้า เซรามิก ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนและของใช้ในชีวิตประจำวัน งานศิลปะและหัตถกรรมดั้งเดิมหลากหลายและเทคนิควิธีการล้ำสมัยในการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนสำคัญอันขาดไม่ได้ที่ทำให้พื้นที่นี้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ งานหัตกรรมดั้งเดิมเหล่านี้และเทคนิควิธีการทำสิ่งเหล่านี้เป็นรากเหง้าของความสามารถในการผลิตที่โดดเด่นอย่างในปัจจุบันของพื้นที่นี้และอาจเรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน บทความนี้จะแนะนำสถานที่ที่คุณจะสามารถไปชม ทดลองทำ และเลือกซื้องานศิลปะและงานหัตถกรรมของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมของนาโกย่าและไอจิ สถานที่ที่คุณจะได้พบช่างฝีมือซึ่งสืบทอดสิ่งเหล่านี้มาหลายชั่วอายุ อีกทั้งยังได้ชื่นชมและทำความเข้าใจถึงทักษะความชำนาญในการผลิตแบบดั้งเดิมอย่างลึกซึ้ง
ผ้ามัดย้อมอะริมัตสึและนารุมิชิโบริ
ผู้คนที่มาเที่ยวแถบถนนโทไกโด นักรบที่ถูกเรียกขานว่าเป็นดั่งผู้รับใช้ในปราสาทโชกุนในสมัยเอโดะ พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากและบรรดาผู้แสวงบุญจะมาแวะเวียนมาพักที่เมืองซึ่งเป็นสถานที่แวะพักผ่านทางแห่งนี้และเลือกซื้อผ้าคุณภาพดีและทนทานพร้อมทั้งสินค้ามัดย้อมติดไม้ติดมือกลับไป ชื่อเสียงของที่นี่จึงขจรขจายไปทั่วประเทศและยังคงโด่งดังต่อเนื่องมานานหลายศตวรรษ
เมืองอะริมัตสึยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เหมือนเมื่อ 400 ปีก่อนและสองข้างทางของถนนโทไกโดก็มีบ้าน ร้านค้าและโกดังเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะเรียงรายกันอยู่ ทั้ง ๆ ที่รูปแบบงานหัตถกรรมเหล่านี้โด่งดังขึ้นอยู่เรื่อย ๆ จำนวนช่างฝีมือที่มีความชำนาญซึ่งสามารถผูกผ้าด้วยด้ายอย่างละเอียดละออเป็นเวลานาน และสามารถใช้เทคนิคย้อมผ้าแบบพิเศษนี้ได้นั้นกลับมีน้อยลง ส่งผลให้ในปัจจุบันผลงานทำมือเหล่านี้มีมูลค่าสูงมากเป็นพิเศษ
ในปัจจุบัน ที่อะริมัตสึและนารุมิ เมืองแห่งประวัติศาสตร์นี้ยังคงจัดการสาธิตมัดย้อมแบบดั้งเดิมของช่างฝีมือและขายงานหัตถกรรมที่ผู้คนตามหาเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง สินค้าดั้งเดิมอย่างยูกาตะหรือกิมิโนหน้าร้อน กระเป๋าใส่ของใบเล็ก และผ้าสำหรับตัดกิโมโนวางจำหน่ายอยู่คู่กับสินค้าแฟชั่นสมัยใหม่ที่ดูเก๋ไก๋ซึ่งผลิตขึ้นด้วยเทคนิคโบราณ งานเทศกาลอะริมัตสึชิโบริจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปีที่อะริมัตสึ เขตอนุรักษ์และมีสินค้าลดราคามากมายท่ามกลางบรรยากาศงานเทศกาลอย่างนี้
แม้ว่าจะมีสินค้าของอะริมัตสึนารูมิขายอยู่ทั่วไปตามห้างหรูหลายแห่ง แต่หากพูดถึงความหลากหลายของสินค้าหัตถกรรมคุณภาพสูงและราคาที่ย่อมเยาก็คงจะหนีไม่พ้นที่อะริมัตสึ ขอเชิญชวนให้คุณมาชื่นชมสินค้า บรรยากาศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมในเมืองโบราณแห่งนี้
เครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิที่โด่งดังไปทั่วโลก
เทคนิคนี้คือการขดเส้นโลหะที่ทำด้วยทองเหลือง เงิน หรือทองบาง ๆ ให้เป็นโครงตามที่ออกแบบไว้แล้วนำไปติดหรือเชื่อมกับฐานโลหะ จากนั้นจึงอุดพื้นที่ระหว่างเส้นโลหะด้วยแก้วสีที่บดละเอียดและอยู่ในลักษณะของเหลวข้น แล้วนำเข้าเตาเผาอบด้วยอุณหภูมิสูง ทำให้ได้พื้นผิวที่แวววาว ผลงานหนึ่งชิ้นจะต้องนำไปอบ 4 ถึง 8 ครั้งเพื่อให้ได้พื้นผิวเงางามสดใสแบบดูซับซ้อนและละเอียดอ่อน และนำไปขัดอย่างพิถีพิถันจนพื้นผิวลื่นเหมือนแก้วซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
เครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิที่ทำขึ้นในแถบนาโกย่าเป็นของมีค่าที่เหล่าเศรษฐีทั่วโลกตามหา และได้ถูกนำไปจัดแสดงที่ "พิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต" ที่มีชื่อเสียงในลอนดอนและเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลปะประยุกต์และงานออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ "หอศิลป์วอลเตอร์แห่งบัลติมอร์" ในสหรัฐอเมริกา
หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยาดั้งเดิมที่ยังคงดำเนินการอยู่และได้รับยกย่องให้เป็นบรมครูของงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิมาอย่างยาวนาน คือ "ร้านเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิ อันโดะ" ผลงานที่ร้านเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิอันโคะที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิคที่ยอดเยี่ยมนั้นถูกนำไปจัดแสดงที่งานแสดงสินค้าที่ชิคาโก้ พ.ศ.2376 งานแสดงสินค้าปารีส พ.ศ.2433 และงานแสดงสินค้ากลาสโลว์ พ.ศ. 2434 ร้านเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิได้รับแต่งตั้งให้เป็นร้านค้าของราชวงศ์จักรพรรดิ และใช้เป็นกำนัลอย่างเป็นทางการของรัฐ ผลงานที่ทำขึ้นจากร้านเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิอันโดะยังโด่งดังในหมู่นักสะสมเป็นอย่างมากเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ในร้านเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิสาขาใหญ่ในเขตซะกะเอะซึ่งอยู่ใจกลางเมืองนาโกย่าจะเป็นร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ที่ผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องปั้นดินเผาชิปโปยากิโบราณและแบบหรูหราสมัยใหม่ที่ได้รับคัดเลือกมาจัดแสดง
พัดพับ
นักรบในอดีตนั้นเมื่อต้องออกไปข้างนอกจะต้องพกดาบสองเล่มคาดไว้ที่เอวด้านซ้าย สอดกระดาษไคชิไว้ตรงหน้าอกใต้กิโมโน และตรงเอวนั้นจะต้องมี "พัดพับ" แบบที่พับเป็นจีบพับได้อยู่กับดาบด้วยเสมอ พัดเป็นไอเทมจำเป็นที่นำมาใช้ได้หลายรูปแบบ ใช้พัดให้เย็นในวันที่อากาศร้อน ใช้เป็นไม้ชี้ ขีดขอบเขตระหว่างเจ้าบ้านและแขก ใช้เป็นสมุดโน้ต ทำเป็นที่หลบสายตาขี้สงสัย เป็นอาวุธและเกราะป้องกันตัว
พัดนั้นนิยมใช้กันทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเกียวโต แต่พัดที่ทำด้วยกระบวนการดั้งเดิมที่นาโกย่านั้นค่อนข้างหนา หนักและแข็งแรง จนอาจกล่าวได้ว่าสมกับเป็นพัดของนักรบที่ "ดูเป็นชายชาตรี" เมื่อเทียบกับพัดนำหนักเบาของเกียวโต ดังนั้น พัดพับของที่นี่จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากจากทั่วประเทศญี่ปุ่นในสมัยศักดินา ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1700
หนึ่งในผู้ผลิตพัดพับทำมือที่เก่าแก่ที่สุดและยังคงดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ คือสุอะฮิโระโดแห่งนาโกย่า สุอะฮิโระโดผลิตพัดคุณภาพสูงหลากหลายแบบมาจนถึงทุกวันนี้และเป็นของที่นำมาใช้เป็นของขวัญและของชำร่วยในงานแต่งงาน วันคลอดและงานกิจกรรมต่าง ๆ
พัดพับนาโกย่าที่ทำขึ้นอย่างประณีตนี้เป็นที่ต้องการของกลุ่มนางรำและนักแสดง คุณสามารถไปดูพัดของจริงที่จัดแสดงและวางจำหน่ายอยู่ที่เวิร์คช้อปและห้องจัดแสดงของสุอะฮิโระโด ย่านการค้าวัดโอสุคันนอนในนาโกย่า และร้านค้าที่จำหน่ายของดีมีคุณภาพระดับหนึ่ง นอกจากนี้ที่สุอะฮิโระโดยังเปิดเวิร์คชอป "ทำพัดในแบบฉบับของตัวเอง" อีกด้วย คลาสเรียนจะเปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ สามารถเข้าร่วมคลาสเรียน 1-2 ชั่วโมงได้ในราคาแค่ 800 เยนเท่านั้น และต้องทำการจองก่อนล่วงหน้า
โคมไฟกระดาษ
อีกหนึ่งเหตุผล คือโทคุกาว่า มุเนะฮารุ อดีตผู้ปกครอง เขาซึ่งเป็นผู้ครองปราสาทนาโกย่าเป็นรุ่นที่ 7 ได้ออกคำสั่งให้แขวนโคมไฟตามถนนใหญ่ในเมือง เพื่อทำให้เมืองสว่างไสว ขยายเวลาทำการของร้านค้าและร้านอาหารให้เปิดทำการได้นานขึ้น และเพื่อให้หญิงสาวและเด็ก ๆ ที่ออกมาเดินในยามค่ำคืนได้อย่างปลอดภัย
โคมไฟนาโกย่าจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทั่วประเทศญี่ปุ่นและตั้งแต่ปลายคริสตศตวรรษปี 1800 เป็นต้นมาก็ได้ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โคมไฟกระดาษแบบพับเหล่านี้ยังคงใช้กันอยู่ในญี่ปุ่นปัจจุบัน วัดและศาลเจ้าเป็นลูกค้าอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ตามร้านกินดื่มก็ยังใช้เป็นโคมไฟป้าย และใช้เป็นที่กันแสงสำหรับอุปกรณ์ให้แสงสว่างตามงานเทศกาลและงานศพอีกด้วย
"ร้านวะซะมงชะยะ" หนึ่งในร้านเฉพาะทางที่ผลิตโคมไฟดั้งเดิมมาจนถึงทุกวันนี้ ตั้งอยู่ในย่านการค้าวัดเอนโดจิในนาโกย่า และเปิดสอนทำโคมไฟด้วย ค่าเรียนทำโคมไฟแบบง่าย ๆ 5 นาทีเพียงแค่ 500 เยนเท่านั้น และไม่ต้องทำการจองล่วงหน้า หรืออยากเรียนรู้เทคนิคที่ซับซ้อนถึงอีกนิด ที่นี่ก็มีคลาสเรียนพิเศษตัวต่อตัวกับช่างฝีมือโบราณ 2 ชั่วโมง ค่าเรียน 3,500 เยน และต้องโทรมาจองก่อนล่วงหน้า 2 วัน
การย้อมผ้ายูเซนนาโกย่า
โทคุกาว่า มุเนะฮารุ ผู้ปกครองนาโกย่ารุ่นที่ 7 ชื่นชอบในความซับซ้อนละเอียดอ่อนและงดงามตระการตานี้มาก วิธีการทำที่หรูหรานั้น ทำให้เขาต้องปะทะกับรัฐบาลโชกุนที่ชื่นชอบแต่ผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่น่าเบื่อ ในช่วงที่มุเนะฮารุปกครองเมือง (พ.ศ.2273- พ.ศ.2282) เขาได้เชิญช่างฝีมือมากความสามารถในหลากหลายด้านให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่นี้ และสนับสนุนให้งานศิลปะหัตกรรมดั้งเดิมเจริญงอกงามในที่แห่งนี้
นาโกย่ายูเซนมีประวัติศาสตร์าวนานมากกว่า 300 ปี และในปีพ.ศ.2526 ก็ได้รับการกำหนดให้เป็นงานหัตถกรรมดั้งเดิมของชาติ ที่ "โฮริเบะ" โรงผลิตยูเซนที่โด่งดังในนาโกย่านี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเวิร์คชอปของคุณโฮริเบะ มิตสึฮิสะ ศิลปินยูเซนคนดังและทำของที่ระลึกยูเซนในแบบฉบับของตนเองได้ที่นี่ แต่ต้องจองล่วงหน้าและต้องมีไกด์ที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้มาด้วย
มรดกทางวัฒนธรรมของนาโกย่าและไอจิ
ค้นหา
- คีย์เวิร์ด
จัดอันดับ